Solavita: คำแนะนำในการจัดการกับอุณหภูมิที่สูงของอินเวอร์เตอร์

เมื่อเร็ว ๆ นี้ อุณหภูมิได้ไต่ระดับขึ้นในทุกๆ พื้นที่ทั่วโลก จนเข้าสู่โหมด "ปิ้งย่าง" แม้ว่าแสงแดดที่ล้นเหลือจะเหมาะกับการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ แต่ความร้อนที่เนื่องมาจากอุณหภูมิสูงยังคงเป็นสิ่งท้าทายที่สำคัญสำหรับอินเวอร์เตอร์ที่ใช้งานกับสถานีไฟฟ้า PV เนื่องจากโดยทั่วไปแล้ว อินเวอร์เตอร์จะได้รับการติดตั้งไว้กลางแจ้งและสัมผัสกับแสงแดดโดยตรงเป็นระยะเวลานาน อุณหภูมิภายในตัวเครื่องจึงอาจเพิ่มสูงขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดปัญหาต่าง ๆ มากมาย

ในสภาวะที่มีอุณหภูมิสูง ภายในของอินเวอร์เตอร์จะมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้กลไกการลดทอนกำลังไฟฟ้าเพื่อปกป้องระบบถูกเรียกใช้งาน กลไกนี้จะส่งผลให้กำลังไฟฟ้าเอาท์พุตของอินเวอร์เตอร์ถูกลดทอนลง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความร้อนสูงมากเกินไปและทำให้อุปกรณ์เสียหาย ด้วยเหตุนี้ จึงส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของอินเวอร์เตอร์ได้รับผลกระทบ ส่งผลให้กำลังไฟฟ้าเอาท์พุตมีค่าลดลง และส่งผลกระทบต่อการผลิตไฟฟ้าโดยรวมของระบบ PV นอกจากนี้ การที่มีอุณหภูมิสูงจะเร่งให้ส่วนประกอบภายในเสื่อมสภาพเร็วขึ้น และส่งผลให้อายุการใช้งานของอุปกรณ์สั้นลง ในกรณีเลวร้ายสุด อาจส่งผลให้อินเวอร์เตอร์เสียหายหรือหยุดทำงาน

ดังนั้นเพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบเชิงลบที่เกิดจากอุณหภูมิที่สูงภายในอินเวอร์เตอร์ มาตรการต่อไปนี้สามารถช่วยเพิ่มเสถียรภาพและประสิทธิภาพได้อย่างมีประสิทธิผล:

1. ปรับปรุงสภาพแวดล้อมการติดตั้งให้เหมาะสม: เมื่อติดตั้งอินเวอร์เตอร์：ควรดูให้แน่ใจว่ามีระยะห่างเพียงพอระหว่างอุปกรณ์เพื่อให้สามารถระบายอากาศและแพร่กระจายความร้อนได้ง่าย นอกจากนี้ ควรเลือกสถานที่ติดตั้งที่มีการระบายอากาศที่ดี และหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง

2. เพิ่มอุปกรณ์ในการป้องกัน: เมื่อติดตั้งอินเวอร์เตอร์ไว้กลางแจ้ง ควรเพิ่มอุปกรณ์ในการป้องกัน เช่น ฉากบังแดดหรือผ้าคลุมกันฝน การติดตั้งสิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันการสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง แต่ยังช่วยปกป้องตัวเครื่องจากฝน หิมะ และใบไม้ร่วงได้้

3. การบำรุงรักษาตามปกติ:ทำการบำรุงรักษาอินเวอร์เตอร์เป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งควรทำความสะอาดพัดลมและอุปกรณ์ระบายความร้อนอื่น ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าเครื่องสามารถทำงานได้อย่างถูกต้อง การกำจัดฝุ่นที่สะสมบนตัวเครื่องจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพในการแพร่กระจายความร้อนและลดอุณหภูมิการทำงานของอุปกรณ์

4. เลือกอินเวอร์เตอร์ที่เชื่อถือได้: อินเวอร์เตอร์ Solavita มีความเป็นเลิศในด้านการรับมือกับอุณหภูมิที่สูง เนื่องจากมีการปกป้องหลายชั้นสำหรับผู้ใช้งาน ระดับการป้องกัน IP66 ทำให้สามารถป้องกันฝุ่นและน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถรับประกันการทำงานภายใต้สภาวะที่มีอุณหภูมิและความชื้นสูงได้ ทุก ๆ เครื่องจะมีการติดตั้งพัดลมและแผงระบายความร้อนเพื่อช่วยในการระบายความร้อน ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากอุณหภูมิที่สูง

ตัวอย่างเช่น อินเวอร์เตอร์สามเฟสแบบกริดไทด์ 33kW จาก Solavita สามารถทำงานที่กำลังไฟฟ้าเต็มพิกัดที่อุณหภูมิ 50°C และสามารถทำงานเกินพิกัดได้ 1.1 เท่าที่อุณหภูมิ 45°C ซึ่งหากเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์ที่คล้ายกันจากผู้ผลิตรายอื่น อินเวอร์เตอร์ Solavita สามารถผลิตกำลังไฟฟ้าได้มากกว่าในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูง และมีการทำงานที่ตรงตามคุณลักษณะการทำงานของโมดูลได้อย่างสมบูรณ์แบบโดยไม่จำกัดกำลังไฟฟ้าเอาท์พุต รูปแบบการทำงานเช่นนี้จะช่วยให้ลูกค้ามั่นใจได้ในเรื่องรายได้จากการผลิตไฟฟ้าในช่วงอากาศร้อน อีกทั้งยังช่วยเพิ่มผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนใน PV ให้อยู่ในระดับสูงสุด

นอกจากนี้ อินเวอร์เตอร์ของ Solavita ยังมาพร้อมกับฟังก์ชันสัญญาณเตือนความผิดพลาดขั้นสูงอีกด้วย ผู้ใช้สามารถเฝ้าตรวจสอบสถานะการทำงานของอินเวอร์เตอร์ การผลิตกำลังไฟฟ้า และประสิทธิภาพการทำงานได้แบบเรียลไทม์ผ่านคลาวด์ Solavita เมื่อมีความผิดพลาดเกิดขึ้น ระบบจะสามารถค้นหาและรายงานข้อมูลความผิดพลาดได้อย่างแม่นยำแบบเรียลไทม์ และจะมีการนำเสนอโซลูชันที่จะช่วยให้ผู้ใช้ระบุและแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการบำรุงรักษาในสถานที่ และช่วยลดเวลา ความพยายาม และความกังวล

ในฐานะที่เป็น "หัวใจ" ของสถานีไฟฟ้า PV อินเวอร์เตอร์ถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เราสามารถลดผลกระทบจากอุณหภูมิที่สูงให้กับอินเวอร์เตอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการสร้างสภาพแวดล้อมในการติดตั้งที่เหมาะสม การเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกในการป้องกัน และการบำรุงรักษาตามปกติ นอกจากนี้ อินเวอร์เตอร์ Solavita ยังให้การรับประกันการทำงานที่มีประสิทธิภาพของระบบ PV โดยสร้างรากฐานที่มั่นคงเพื่อให้การทำงานของสถานีไฟฟ้า PV นั้นมีเสถียรภาพ เพื่อให้แน่ใจว่ามีการจ่ายพลังงานสีเขียวอย่างต่อเนื่องให้กับครัวเรือนหลายพันแห่ง